
คล็อปป์ เปลี่ยนไปเพราะ เป๊ป ลินเดอร์?
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ สำหรับแฟนลิเวอร์พูลแล้ว คงไม่มีอะไรน่าดีใจไปกว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ ต่อสัญญาออกไปอีก 2 ปี ถึงฤดูกาล 2026 เป็นอย่างน้อย จากเดิมที่จะหมดลงในปี 2024 โดยเบื้องหลังการต่อสัญญาในครั้งนี้ คู่ชีวิตอย่าง อุลลา ถือว่ามีส่วนสำคัญในการตัดสินใต รวมถึงมือขวาคู่บุญอย่าง เป๊ป ลินเดอร์ส ที่ยืนยันพร้อมอยู่ทำงานต่อแบบไม่ย้ายไปไหน นั่นจึงทำให้การต่อสัญญาเกิดข้อสรุปอย่างที่กล่าวไป อย่างไรก็ดีการร่วมงานกับมือขวาชาวดัตช์ มันก็ได้เห็นถึงแนวคิดที่เปลี่ยนของ คล็อปป์ หากสังเกตให้ดี
บูวัช – คล็อปป์ เดินหน้าฆ่ามันให้แหลก
ก่อนที่ เป๊ป ลินเดอร์ส จะมาเป็นมือขวาคนสำคัญของ คล็อปป์ ตำแหน่งนั้นเคยเป็นของ เซลจ์โก้ บูวัช มาก่อน ซึ่ง บูวัช เริ่มทำงานกับ คล็อปป์ มาตั้งแต่สมัยเริ่มต้นอาชีพโค้ชที่ ไมนช์ 05 ในฤดูกาล 2001 จนมาต่อที่ ดอร์มุนต์ และ ลิเวอร์พูล โดยตลอดเวลาที่ทั้งคู่ทำงานร่วมกัน รูปแบบการเล่นจะเน้นความดุดันและฆ่ามันให้ตาย แต่สิ่งที่แลกกลับมา คือ ความเสี่ยงที่จะโดนยิงประตูอย่างง่ายดาย แล้วนั่นก็ไม่แปลกที่ทั้งคู่จะไม่ค่อยได้สัมผัสถ้วยแชมป์ กระทั่งการมาทำงานที่อังกฤษและต้องเจอบอลปะทะแบบหนักหน่วง รูปแบบการเล่นมันก็ได้เป็นผลให้ลูกทีมของ คล็อปป์ ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะยืนระยะได้ สุดท้ายปัญหาอาการบาดเจ็บก็คืบคลานเข้ามา จนเป้าหมายที่ตั้งไว้ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
การมาของ ลินเดอร์ส ทำให้เกิดการแตกหัก
ในฤดูกาล 2018 คล็อปป์ ได้ดึง เป๊ป ลินเดอร์ส เข้ามาเป็นทีมงานสตาฟ ซึ่งเหตุผลที่เลือกโค้ชหนุ่มวัย 35 ปี เข้ามา มันก็เป็นเพราะเจ้าตัวมีแพชชั่นต่อเกมฟุตบอลอย่างแรงกล้า มีไอเดียใหม่ๆ สามารถออกแบบแผนการซ้อม พร้อมกับลงไปเทรนนักเตะได้ด้วยตนเอง รวมถึงยังมีนิสัยที่ยืดหยุ่นและเป็นกันเองต่อนักเตะ นั่นจึงทำให้บทบาทของ บูวัช เริ่มจะถูกจำกัดลงไป เพราะบุคลิกส่วนตัวเป็นคนเงียบขรึม พูดน้อย และไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์ต่อนักเตะเลย ฉะนั้นในเมื่อมันเริ่มเกิดความแตกต่างจนกลายเป็นอึดอัด สุดท้าย บูวัช จึงตัดสินใจลาออกจากทีมไปเมื่อปี 2018 ปิดฉากการทำงานร่วมกับ คล็อปป์ ไว้ที่ 17 ปี
(รูปที่2

เมื่อเปลี่ยนผู้ช่วย รูปแบบการเล่นก็เปลี่ยนไป ?
การเป็นมือขวาให้ คล็อปป์ อย่างเต็มตัวของ ลินเดอร์ส ในฤดูกาล 2019 มันเห็นได้ชัดว่า ลิเวอร์พูล มีแนวทางการเล่นที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะพลพรรคหงส์แดงไม่ได้บ้าระห่ำวิ่งเพรสใส่คู่แข่งทุกเกมเหมือนที่เป็นมาหลายปี หากแต่ปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นให้หลากหลายและไปตามสถานการณ์ที่พบเจอตรงหน้า รวมถึงมีวิธีที่จะเล่นเพื่อเอาชนะ แม้รูปทรงจะไม่สวยงาม สุดท้าย ลิเวอร์พูล สามารถคว้าแชมป์ได้แบบรัวๆ ไล่ตั้งแต่ UCL ยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ พรีเมียร์ลีก และแชมป์สโมสรโลก นอกจากนี้หากวันไหนตื้อๆตันๆ เราก็มักจะเห็นถึงการแก้เกมที่สามารถพลิกโมเมนตัมให้กลับมาหาฝั่งตนได้อยู่บ่อยๆ ซึ่งแตกต่างจากตอนที่ บูวัช อยู่ ที่วันไหนเล่นดี จะยิงถล่มยับแบบไม่ให้ได้เกิด แต่ถ้าวันไหนเล่นไม่ออกก็มีไม่มีอะไรมาแก้ลำ จนสุดท้ายสามารถพ่ายแพ้ต่อใครก็ได้ แม้แต่ทีมระดับแชมป์เปี้ยนส์ชิพ ฉะนั้นตรงจุดนี้มันจะน่าผิดหวังสุดๆ โดยเฉพาะถ้ามันเกิดขี้นในเกมนัดสำคัญ
การมี ลินเดอร์ส เป็นผู้ช่วย ทำให้ คล็อปป์ เป็นยอดโค้ชอย่างสมบูรณ์
คล็อปป์ เป็นโค้ชที่เก่งและได้การยอมรับ แต่ในเรื่องของถ้วยแชมป์นับว่าน้อย กระทั่งการได้ผู้ช่วยที่มีแนวคิดเชิงบวกและไอเดียสดใหม่ตลอดเวลา มันก็ได้ผลให้ คล็อปป์ ได้เรียนรู้ถึงศาสตร์ฟุตบอลที่กว้างขึ้น กล่าวคือ การจะเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จได้ มันไม่สามารถเล่นฟุตบอลในแบบของตัวเองได้ทุกนัด ซึ่งมันจะต้องมีบางนัดที่ต้องอาศัยลูกพลิกแพลงเพื่อเอาตัวรอดไปก่อน หรือจะเล่นอย่างไรเพื่อไม่ให้สถานการณ์ตกเป็นรอง แล้วนั่นก็เป็นคำตอบที่ว่าทำไม ลิเวอร์พูล ถึงคว้าแชมป์อย่างเป็นกอบเป็นกำเมื่อผู้ช่วยชาวดัตช์เข้ามาทำงาน
การเปิดพื้นที่ให้ ลินเดอร์ส ได้มีบทบาท
หากใครได้ดูคลิปการฝึกซ้อมของลิเวอร์พูล ในช่อง Youtube เราจะสังเกตเห็นถึงบทบาทของ คล็อปป์ ที่ไม่ใช่โค้ชผู้รวมอำนาจ หากแต่เจ้าตัวได้มอบหมายให้ผู้ช่วยอย่าง ลินเดอร์ส ได้ลงไปฝึกสอนนักฟุบอลแบบประกบชิด แล้วตัวเองยืนดูอยู่ข้างสนามเป็นบางเวลา ซึ่งตรงจุดนี้มันสื่อให้เห็นถึงความเชื่อใจต่อลูกน้องแบบหมดเปลือก มิใช่เอามานั่งเป็นที่ปรึกษา อีกทั้งมันยังเป็นโอกาสที่ดีของ ลินเดอร์ส ที่จะได้ลับวิชาของตัวเอง
ข้อคิดดีๆจาก คล็อปป์ ?
จวบจนถึงบรรทัดนี้ คงจะเห็นได้ว่าทัศนคติของคนมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากสภาพแวดล้อมเราเป็นแบบไหน มันก็มีโอกาสที่เราจะเป็นแบบนั้น ฉะนั้นหากเราต้องการไปสู่จุดหมายที่สูงสุด เราก็จำเป็นที่จะต้องหาคนคิดบวกและสนับสนุนเราไปสู่เป้าหมายนั้น เหมือนดังเช่นที่ คล็อปป์ เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ ซึ่งกลับกันถ้า คล็อปป์ ยังทำงานกับ บูวัช อยู่ ปัจจุบันอาจจะไม่ได้คุมลิเวอร์พูล หรือหากคุมก็คงไม่มีแชมป์ติดมือมากมายขนาดนี้ก็เป็นได้